จุดเริ่มต้นจริงๆ คือเมื่อหลายปีก่อนเริ่มมีดิจิทัลเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการทำการตลาดมากขึ้น เอเจนซี่หลักๆ หลายเจ้าเริ่มทำส่วนนี้ แต่ส่วนตัวคือยังไม่มีในสิ่งที่เรามองหา เราจึงคุยกันและก็บอกว่า ถ้าเราหาคนที่มาทำที่เราต้องการไม่ได้ เราก็เปิดเองเลยละกัน จะได้ทดลองทำในสิ่งที่เราอยากทำ และเราเชื่อว่ามันจะเปลี่ยนแปลงธุรกิจให้ลูกค้าได้ เราอยากทำงานให้มีคุณภาพ เราอยากให้เอเจนซี่เราทำงานโดยที่เราสร้างแบรนด์ไปพร้อมกับลูกค้า นั่นเลยสะท้อนหลายๆ อย่างว่าทำไมเราถึงกลายมาเป็น “Boutique Agency” – เอเจนซี่ขนาดเล็กที่ทำกับลูกค้าจำนวนไม่มากราย แต่ลงลึกและมีความเฉพาะทาง เรากล้าพูดได้เต็มปากว่า เอเจนซี่เราทำแบรนด์ไหน เราจะให้ทีมทุกคนที่ทำแบรนด์นั้นเข้าใจแบรนด์อย่างลึกซึ้งที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ เราไม่ได้เปลี่ยนทีมทุกครั้งที่ทำเราจะมีทีมเฉพาะที่ทำและเข้าใจ เพราะการเข้าใจแบรนด์ไม่ได้ใช้เวลาแค่เดือนสองเดือน ลูกค้าอ่านมาถึงตอนนี้อาจจะชอบ แต่คนที่อยากมาทำงานที่นี่อาจจะมีข้อสงสัยว่า อ้าว!!แล้วเราจะเก่งได้ไงถ้าทำแค่ไม่กี่แบรนด์ เราขอตอบเลยว่า …เราเชื่อว่าลูกค้าที่ทำงานกับเรา เป็นลูกค้าที่อยากจะก้าวไปข้างหน้า ทุกสิ่งที่ทำในแต่ละครั้งแม้จะเป็นแบรนด์เดิมแต่เราไม่เคยทำงานซ้ำหรือคิดเหมือนเดิมได้เลย เพราะโลกมันไปเร็วเกินกว่าที่เราจะช้า การทำหลายๆสิ่งให้ดีอาจจะยาก แต่การทำสิ่งเดิมให้ดีขึ้นในทุกๆ ครั้งนั้นยากกว่าเพราะเราต้องรับผลของสิ่งที่เราเคยทำ… ถ้าเราทำให้แบรนด์ไว้ไม่ดีไม่รอบคอบ การที่จะพาแบรนด์ไปต่อก็ยากแถมยิ่งเวลาผ่านไปมันจะยากยิ่งกว่าเดิม มันเป็นการพิสูจน์ฝีมือของทีมที่ชัดเจน และสำคัญที่สุดเอเจนซี่เราเกิดมาเพื่อช่วยแก้ปัญหาและพาแบรนด์ไปข้างหน้า เราไม่ต้องรอบรีฟอย่างเดียว ถ้าเราเห็นอะไรที่เป็นโอกาส เราก็จะเสนอ เราก็จะทดลอง พร้อมสนับสนุนให้ทีมทุกคนนำเสนอสิ่งใหม่เพื่อการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น แม้ลูกค้าไม่ซื้ออย่างน้อยเราก็ได้เสนอ ได้ฝึกคิด ได้ท้าทายความเปลี่ยน ถ้ามันดีเราก็จะขายไปเรื่อยๆ จนกว่าลูกค้าจะซื้อ….
ถ้าสรุปใน 1 ประโยค ก็คงเป็นเอเจนซี่เราเกิดมาเพื่อใช้ความคิด ความสร้างสรรค์ การทดลอง เพื่อแก้ปัญหาให้ลูกค้านำพาแบรนด์ไปถึงเป้าหมาย