เรื่องนี้ที่หยิบยกมาไม่ได้จะมาบอกว่าเราแข่งขันว่าออฟฟิศเราสวยที่สุดหรือดีที่สุด เราแค่อยากจะเล่ารายละเอียดที่ซ่อนอยู่ตอนที่เราคิดเรื่องการออกแบบออฟฟิศ ย้อนกลับไปเราก็เริ่มจากทีมเล็กๆ บริษัทเล็กๆ เราเริ่มจากแม้กระทั่งใช้บริการออฟฟิศพร้อมเช่าวันแรกที่เราเช่า เราขอเลือกห้องที่มีหน้าต่างแม้จะมีราคาผิดกันจนน่าตกใจกับแค่หน้าต่างบานเดียว แต่เรากลับรู้สึกว่ามันคือความรู้สึกตอนทำงาน หลังจากนั้นเราก็ย้ายออฟฟิศไปเช่าแบบจริงจัง เราคุยกันว่าออฟฟิศเรามีพนักงานไม่เกิน 15 คนหรอกเราจะทำเล็กๆ เราจะอยู่ที่นี่ไปสัก 5 ปี เรารื้อฝ้า สั่งทำโต๊ะพิเศษ ทำชั้นหนังสือ ออกแบบพื้นที่เล็กๆ โทนขาวดำแบบมีความสุขมาก เราตั้งใจเลือกเก้าอี้พนักงานมากเพราะเรารู้ว่าทุกคนจะต้องนั่งแต่ละวันเยอะมาก ผ่านไปเพียง 1 ปีออฟฟิศไม่พออยู่! เราตัดสินใจกันอีกครั้งกับการขยายพื้นที่ในตึกเดิมแถวสีลม เพราะว่าเดินทางสะดวกของกินเยอะและไม่แพง ค่าครองชีพของพนักงานก็จะสามารถอยู่ได้สบายๆ เราขยายเพื่อรองรับคนไม่เกิน 30 คนเพราะเรามั่นใจว่าเราจะยืนหยัดกับความสนุกของความเป็นเอเจนซี่ขนาดย่อมของเรา เราออกแบบใหม่ให้เป็น Open Space มีห้องประชุม มีโซฟามุมพัก มีล็อคเกอร์ของทุกคน ยังคงให้ความสำคัญกับโต๊ะที่สั่งทำเพื่อให้ความสูงเหมาะกับการทำงาน และเก้าอี้พนักงาน ใช้สีขาวเห็นหลักเหมือนเดิมเพื่อให้บรรยากาศสงบ เราตั้งใจเป็นออฟฟิศที่ทุกคนเข้าถึงกัน เวลาขำก็จะได้ยิน เวลาโกรธโมโหก็จะได้ยิน มันส่งถึงกันได้หมด มันดีนะในความรู้สึกเรา มันได้ทักทายกัน เรามีการหมุนเวียนมุมไปเรื่อยๆ เพื่อเป็นการทดลอง เช่น นั่งแบบเป็นทีม หรือนั่งแบบเป็นโซนตำแหน่งงาน เพื่อดู Dynamic ต่างๆ แต่เมื่อวันนึงเราก็โดนส่งประกาศมาว่าตึกนี้จะถูกปิดด้วยคำสั่งศาลจากเจ้าของมีการฟ้องร้องกัน ฟ้าผ่าเข้ากลางแสกหน้าเลยทีเดียว เรามีเวลาหาที่ใหม่และตกแต่งไม่เกิน 6 เดือน เราใช้เวลาในการหาพื้นที่กันนานมาก เราไม่อยากย้ายไปเพราะแค่ต้องย้าย ยิ่งเราทำงานมานานเรายิ่งพบว่าเราใช้เวลาที่ออฟฟิศมากกว่าบ้าน เรามีเรื่องดีดีที่ออฟฟิศมากมายในชีวิตเรา เรากับหุ้นส่วนนั่งคุยกันอย่างจริงจังว่าพวกเราคงทำงานกันไปอีกนานมากๆๆๆ พนักงานเราใช้เวลาที่ออฟฟิศแต่ละวัน เราตัดสินใจลงทุนเช่าที่ตึกสามย่านมิตรทาวน์ ซึ่งทุกคนทักว่าเอเจนซี่เล็กๆ จะลงทุนขนาดนั้นไปเพื่ออะไร แต่เราเชื่อว่ามันคุ้มนอกจากพื้นที่ เราลงทุนออกแบบด้วยบรีฟที่บอกว่าเราต้องการให้ทุกคนเข้ามาแล้วรู้สึกมองแล้วสบายใจ มีโซนทำงานที่ชัดเจน แต่ต้องมีดีเทลในแต่ละมุมที่ซ่อนอยู่ให้แตกต่างและสะท้อนวิธีคิดของออฟฟิศเรา ถ้ามีโอกาสได้แวะเวียนมา ลองสังเกตุเล่นๆ จะพบว่าหน้าประตูเข้ามาจะมีคำทักทายคุณอยู่ เพราะพวกเราพูดไม่เก่ง จะมีกรอบเหล็กขนาดใหญ่ตรงทางเลี้ยวเข้า มองทะลุไปจะเป็นต้นไม้เพราะสีเขียวได้พิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์แล้วว่าช่วยให้สบายตา หากมองที่พื้นหรือขอบต่างๆ จะมีกระเบื้องหลากหลายสีหลายฟอร์มมาก เราใช้กระเบื้อง Handmade เกือบทั้งหมดเพราะอยากใส่ดีเทลสีที่สะท้อนความเป็นตัวตน ถ้าได้เดินดูในแต่ละห้องประชุมหรือห้องเราเองจะมีเฉดสีเขียวที่แตกต่างกันทั้งหมดให้เข้ากับบรรยากาศของแต่ละห้อง ถ้าลองเงยหน้าขึ้นอาจจะพบหลังคาลอนในบางห้องให้ความรู้สึกเหมือนบ้าน พบต้นไม้เขียวในบางห้องเพื่อลดความเครียด พบระแนงไม้ในบางโซนเพื่อลดความแข็งของแผงไฟ พบโคมไฟที่แตกต่างกันทุกห้องจากของมือสองบ้างของใหม่บ้างที่จะเอามาตัดสีเพิ่มความสดใส ถ้าก้มลงอาจจะเห็นสีพื้นที่ต่างกันระหว่างส่วนทำงานและส่วนกลาง หรือแม้แต่โต๊ะทำงานและเก้าอี้ก็ถูกวางมาเพื่อให้เป็นระดับมาตรฐานในการทำงานป้องกันออฟฟิศซินโดรมเท่าที่จะช่วยได้ ส่วนเก้าอี้หรือโต๊ะตามส่วนกลางทำมาพิเศษให้เหมาะกับการนั่งในแต่ละโซน เรายอมรับว่าพวกเราเยอะ เยอะจนผู้รับเหมาร้องแต่เราก็ไม่ลดสเปคใดๆ อ่านมาตรงนี้หลายคนก็คงจะพอรู้แล้วว่าคุณภาพและความใส่ใจของเราอาจไม่ได้ออกมาจากคำพูดที่มากมาย แต่เราจะสะท้อนมันออกมาผ่านงานและทุกๆ อย่างที่เราทำ เพื่อลูกค้าเพื่อลูกทีมไม่ใช่แค่ชั่วขณะใดขณะหนึ่งแต่มันคือการสะสมในทุกๆวัน